ประกันสุขภาพเด็กคืออะไร เลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับวัยของลูก

ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและค่าเงินที่เฟ้อขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การมีประกันสุขภาพเด็ก AIA จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อลูกน้อยเจ็บป่วย แต่ทั้งนี้ประกันสุขภาพเด็ก AIA ก็มีหลากหลายรูปแบบ การเลือกให้เหมาะสมกับวัยและความต้องการของลูกจึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจ 

บทความนี้เลยจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันสุขภาพเด็ก พร้อมเคล็ดลับการเลือกให้เหมาะสมกับวัยของลูก เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด

ทำความเข้าใจ ประกันสุขภาพเด็ก คืออะไร

ประกันสุขภาพเด็ก (Kids Health Insurance) คือ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของเด็ก โดยครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด ค่ายา และค่ารักษาพยาบาลอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ

โรคที่เด็กมักจะเป็น

เด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กเล็ก มักมีภูมิต้านทานต่ำ จึงทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งโรคที่มักทำให้เด็กป่วยบ่อย ๆ จะมีดังนี้

• โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรค RSV (ไวรัสทางเดินหายใจอาร์เอสวี) หลอดลมอักเสบ และปอดบวม
• โรคระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ และโรคอุจจาระร่วง
• โรคติดต่อในเด็ก เช่น โรคมือ เท้า ปาก โรคอีสุกอีใส และโรคหัด
• โรคภูมิแพ้ เช่น โรคภูมิแพ้อากาศ โรคภูมิแพ้อาหาร และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
• อุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกจากที่สูง และอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา

ประกันสุขภาพเด็ก AIA  มีข้อดีอะไรบ้าง

จะเห็นได้ว่าการทำประกันสุขภาพเด็ก AIA ล้วนมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

• ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อลูกน้อยเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ
• ช่วยให้ลูกน้อยได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ
• ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่หลากหลาย เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่ายา และค่าผ่าตัด
• ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่คลายความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของลูกน้อย
• ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่วางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนในแต่ละปี
• สำหรับแผนประกันสุขภาพเด็ก AIA บางแผน ก็ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงร่วมด้วย จึงช่วยให้ลูกน้อยได้รับการรักษาที่ดีอย่างทันท่วงที เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง

ทำไมถึงควรทำประกันสุขภาพเด็ก AIA

การทำประกันสุขภาพเด็ก AIA มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเด็ก ๆ มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ การมีประกันสุขภาพเด็กจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย ให้ลูกน้อยได้รับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและโรงพยาบาลที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น

รวมแผนประกันสุขภาพเด็ก  AIA

AIA ก็เป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตชั้นนำที่มีแผนประกันสุขภาพเด็กให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละครอบครัว โดยมีแผนประกันสำหรับเด็กที่น่าสนใจ ดังนี้

AIA Health Happy Kids

เป็นแผนประกันสุขภาพเด็ก AIA แบบเหมาจ่ายตามจริง ที่มีความรับผิดชอบส่วนแรกต่อรอบปี โดยมีให้เลือกทั้งแบบรับผิดส่วนแรก 10,000 หรือ 30,000 บาทต่อรอบปีกรมธรรม์ เหมาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น

AIA Health Happy Kids UDR

เป็นแผนประกันสุขภาพเด็ก AIA แบบเหมาจ่ายตามจริง ที่มีความรับผิดชอบส่วนแรกต่อรอบปี แต่เป็นแบบเบี้ยประกันคงที่ และไม่ต้องจ่ายทิ้ง เพราะเป็นเบี้ยประกันควบคู่กับการลงทุน จึงเหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะยาวให้ลูกน้อย

ประกันสุขภาพเด็ก AIA คุ้มครองเรื่องอะไรบ้าง

ประกันสุขภาพเด็ก AIA ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการดูแลอย่างครอบคลุมเมื่อเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ โดยทั่วไปแล้วจะให้ความคุ้มครองเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

• ค่าห้องและค่าอาหาร
• ค่าแพทย์ ครอบคลุมค่าตรวจวินิจฉัยและค่ารักษาพยาบาลโดยแพทย์
• ค่ายาที่แพทย์สั่งจ่าย
• ค่าผ่าตัดและค่าทำหัตถการต่าง ๆ
• ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) เมื่อลูกน้อยเข้ารับการรักษาแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
• ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินจากอุบัติเหตุหรืออาการเจ็บป่วยกะทันหัน
• ค่ารักษาพยาบาลโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคไต
• ค่าวัคซีน (สำหรับในบางแผนประกัน) 

ประกันสุขภาพเด็ก AIA มีกี่ประเภท

ประกันสุขภาพเด็ก AIA มีหลากหลายประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการและงบประมาณของแต่ละครอบครัว โดยทั่วไปแล้ว สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

แบบแยกค่าใช้จ่าย

เป็นแผนประกันสุขภาพเด็ก AIA ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามรายการที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่ายา และค่าผ่าตัด โดยมีวงเงินคุ้มครองสูงสุดสำหรับแต่ละรายการ ซึ่งมีข้อดี คือเบี้ยประกันมักจะถูกกว่าแบบเหมาจ่าย แต่ข้อเสีย คือ อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ต้องจ่ายเอง หากค่ารักษาพยาบาลเกินวงเงินคุ้มครอง

แบบเหมาจ่าย

เป็นแผนประกันสุขภาพเด็ก AIA ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามจริง โดยมีวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี ซึ่งข้อดี คือ มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมและยืดหยุ่นกว่าแบบแยกค่าใช้จ่าย แต่ข้อเสีย คือ เบี้ยประกันมักมีราคาจะสูงกว่า

แบบประกันอุบัติเหตุเด็ก

เป็นแผนประกัน AIA ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อเด็กได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งมีข้อดี คือ เบี้ยประกันมักจะราคาไม่สูงมาก และมีความคุ้มครองที่เฉพาะเจาะจงกับอุบัติเหตุ เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ในวัยกำลังซน ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย 

ข้อควรพิจารณาของประกันสุขภาพเด็ก AIA

ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพเด็ก AIA ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

• ตรวจสอบความคุ้มครองของแผนประกันว่าครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยหรือไม่ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าผ่าตัด และค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน
• พิจารณาความคุ้มครองโรคร้ายแรง หากต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติม
• เลือกวงเงินคุ้มครองที่เหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันและอนาคต
• เปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัท เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้
• ตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลในเครือ เพื่อให้แน่ใจว่ามีโรงพยาบาลที่สะดวกต่อการเดินทาง
• อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด โดยเฉพาะข้อยกเว้นความคุ้มครอง
• ต้องแจ้งประวัติสุขภาพของลูกน้อยตามความเป็นจริง

กรณีใดบ้างที่ประกันสุขภาพเด็ก AIA ไม่คุ้มครอง

โดยทั่วไปแล้วประกันสุขภาพเด็ก AIA จะไม่คุ้มครองในกรณีต่อไปนี้

• โรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน หรือโรคที่อยู่ระหว่างการรักษา
• การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลารอคอยที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
• การรักษาที่ไม่ได้รับการอนุมัติจากแพทย์ หรือการรักษาที่เกินความจำเป็น
• การรักษาพยาบาลทางทันตกรรม โดยส่วนมากแล้วจะไม่ถูกรวมอยู่ในความคุ้มครอง 
• โรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสี่ยง การทำร้ายตัวเอง การใช้สารเสพติด หรือพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ
• โรคที่เกี่ยวกับทางจิตเวชส่วนมากจะไม่อยู่ในความคุ้มครอง 

ทั้งนี้อาจมีข้อยกเว้นอื่น ๆ เพิ่มเติม จึงควรศึกษารายละเอียดของกรมธรรม์ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจทำประกัน 

ทำประกันสุขภาพเด็กที่ไหนดี ต้องเลือกอย่างไร

การเลือกทำประกันสุขภาพเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้แผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของครอบครัว โดยมีข้อควรพิจารณาดังนี้

1. ศึกษาแผนการคุ้มครองของแต่ละบริษัทประกันอย่างละเอียด และตรวจสอบว่าแผนนั้นครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยหรือไม่ เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าแพทย์ ค่ายา ค่าผ่าตัด และค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน 
2. เปรียบเทียบวงเงินคุ้มครองและเบี้ยประกัน โดยเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันและอนาคต ในขณะที่เบี้ยประกันควรอยู่ในระดับที่ครอบครัวสามารถจ่ายได้ โดยเปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัท เพื่อให้ได้แผนที่คุ้มค่าที่สุด
3. ตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลในเครือ เพื่อให้แน่ใจว่ามีโรงพยาบาลที่สะดวกต่อการเดินทางและมีคุณภาพสูง
4. อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด โดยเฉพาะข้อยกเว้นความคุ้มครอง เพื่อให้เข้าใจถึงสิทธิประโยชน์และข้อจำกัดของแผนประกัน
5. พิจารณาระยะเวลารอคอย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทประกันจะไม่คุ้มครองการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทราบถึงช่วงเวลาที่ความคุ้มครองจะมีผล
6. แจ้งประวัติสุขภาพตามความเป็นจริง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากมีการปกปิดข้อมูล เนื่องจากบริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้
7. หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจ ควรปรึกษาตัวแทนประกันชีวิต เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกแผนประกันที่เหมาะสม
8. เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ มีชื่อเสียงและมั่นคง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลที่ดีเมื่อลูกน้อยเจ็บป่วย

FAQ (คำถามที่นิยม)

ประกันสุขภาพเด็กตัวไหนที่คุ้มค่า และเคลมง่ายมากที่สุด?

การเลือกประกันสุขภาพเด็กที่เคลมง่ายและคุ้มค่าที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละครอบครัว ไม่มีแผนประกันใดที่ “ดีที่สุด” สำหรับทุกคน อย่างไรก็ตามควรพิจารณาตามปัจจัยเหล่านี้เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกประกันที่คุ้มค่ากับคุณมากที่สุด เช่น ความครอบคลุมของค่ารักษาพยาบาล วงเงินคุ้มครอง เบี้ยประกัน โรงพยาบาลในเครือ และเงื่อนไขกรมธรรม์ 

โดยควรศึกษาข้อมูลจากหลายบริษัทประกัน เปรียบเทียบแผนต่าง ๆ และปรึกษาตัวแทนประกันชีวิต เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณ

เด็กโตต้องเลือกประกันสุขภาพแบบไหนดี?

สำหรับเด็กโต (ช่วงอายุ 13-18 ปี) ควรเลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น เช่น อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา อุบัติเหตุจากการขับขี่ และโรคที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยง นอกจากนี้ ก็ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทางจิตเวช เนื่องจากวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตได้สูงนั่นเอง

เพราะอะไร? ทำไมประกันสุขภาพเด็กถึงแพง

ประกันสุขภาพเด็กมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าประกันสุขภาพผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ นอกจากนี้เด็กก็ยังมีความเสี่ยงต่อโรคที่เฉพาะเจาะจง เช่น โรคติดต่อในเด็ก โรคภูมิแพ้ และอุบัติเหตุจากการเล่นซน

หากลูกเคยป่วยเป็น RSV จะทำประกัน AIA ได้หรือไม่?

หากลูกหลานของท่านเคยป่วยเป็น RSV และได้รับการรักษาจนหายดีแล้วเป็นระยะเวลาเกิน 6 เดือน บริษัทฯ ยินดีพิจารณารับทำประกันสุขภาพ โดยมีเงื่อนไขยกเว้นความคุ้มครองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจจนกระทั่งบุตรหลานของท่านจะมีอายุครบ 2 ปีบริบูรณ์

เริ่มทำประกันเด็ก AIA ได้ตั้งแต่ตอนไหน? 

โดยทั่วไปแล้วจะสามารถทำประกันสุขภาพเด็ก AIA ได้ตั้งแต่แรกเกิด แต่ทั้งนี้เงื่อนไขอาจแตกต่างกันไปในแต่ละแผนประกัน จึงควรศึกษาเงื่อนไขเกี่ยวกับประกันสุขภาพ AIA ของเด็กแรกเกิดที่ท่านสนใจอย่างละเอียดอีกครั้ง

ประกันเด็กจะคุ้มครองหลังทำกี่วัน?

ระยะเวลาคุ้มครองของประกันเด็กจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของประกันและเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน โดยทั่วไปแล้ว จะเริ่มให้ความคุ้มครองหลังกรมธรรม์อนุมัติ 30 วัน แต่ทั้งนี้สำหรับบางโรคก็อาจมีระยะเวลารอคอยมากถึง 120 วัน นับจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ 

จะทำประกันให้ลูก ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

เอกสารที่ใช้ในการทำประกันสุขภาพเด็ก AIA มีดังนี้

• สูติบัตรของเด็ก
• สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง
• สำเนาทะเบียนบ้าน (ในบางกรณี)
• ประวัติสุขภาพของเด็ก (ถ้ามี)

ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครองของประกันเด็ก AIA คือหลังทำกี่วัน?

ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง หรือ “ระยะเวลารอคอย” (Waiting Period) คือช่วงเวลาหลังจากที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ ที่บริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองสำหรับการเจ็บป่วยบางประเภท โดยทั่วไปแล้วระยะเวลารอคอยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลัก ๆ ดังนี้

• ระยะเวลารอคอย 30 วัน โดยทั่วไปจะครอบคลุมโรคทั่วไป เช่น ไข้หวัด ท้องเสีย หรือการเจ็บป่วยเล็กน้อยอื่น ๆ หากเกิดการเจ็บป่วยภายใน 30 วันแรก กรมธรรม์อาจไม่ให้ความคุ้มครอง
• ระยะเวลารอคอย 120 วัน จะครอบคลุมโรคที่ต้องใช้ระยะเวลาในการวินิจฉัย เช่น เนื้องอก ถุงน้ำ หรือการผ่าตัดบางประเภท หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเหล่านี้ภายใน 120 วันแรก กรมธรรม์อาจไม่ให้ความคุ้มครองนั่นเอง

คำอธิบาย : *ภาพและเนื้อหาที่นำเสนอเป็นการหาข้อมูลจากในระบบอินเตอร์เน็ตเพื่อนำเสนอเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
หมายเหตุ : *ข้อมูลนี้นำเสนอเพื่อการเปรียบเทียบและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ มิใช่การเสนอขายและมิใช่เอกสารอย่างเป็นทางการ โปรดปรึกษาตัวแทนก่อนทำรายการเพิ่มเติม