วางแผนทำประกันชีวิตสำหรับคนมีคู่ หรือแต่งงาน

เมื่อชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้น การวางแผนอนาคตร่วมกันจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน การสร้างครอบครัว หรือการวางแผนการเงินระยะยาว ซึ่งหนึ่งในรากฐานที่ไม่ควรมองข้าม คือ การทำประกันชีวิตสำหรับคนมีคู่

เพราะการมีหลักประกันที่มั่นคงจะช่วยปกป้องความฝันและอนาคตที่สร้างร่วมกันให้ดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นใจ แม้ในวันที่ไม่คาดคิด บทความนี้นุ่นเลยจะพาคุณไปสำรวจกันว่า ทำไมคนมีคู่ถึงควรวางแผนทำประกันชีวิตตั้งแต่วันนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ทุกก้าวของชีวิตคู่ของคุณมั่นคงและยั่งยืนยิ่งขึ้น

ทำไมคนมีคู่หรือแต่งงานควรวางแผนซื้อประกันชีวิต?

การซื้อประกันชีวิตเป็นวิธีแสดงความรักและความรับผิดชอบต่อคู่ชีวิตที่ชัดเจนที่สุด ซึ่งมีเหตุผลหลัก ๆ ที่สำคัญ ดังนี้

1. ช่วยปกป้องรายได้ของครอบครัว

หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับคู่ชีวิตที่เป็นเสาหลักของครอบครัว เงินสินไหมทดแทนจากประกันชีวิตจะช่วยทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปได้ทันที ทำให้คู่สมรสที่อยู่ต่อสามารถประคับประคองฐานะทางการเงินและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไว้ได้

2. ช่วยรองรับภาระหนี้สินร่วม

เมื่อคุณมีทรัพย์สินร่วมกัน เช่น บ้าน รถ หรือหนี้บัตรเครดิต หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากไป ประกันชีวิตจะช่วยนำเงินก้อนไปชำระหนี้สินเหล่านั้น ทำให้คู่สมรสที่เหลืออยู่ไม่ต้องรับภาระหนี้ทั้งหมดเพียงลำพัง

3.ช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคต

ประกันชีวิตบางประเภทยังช่วยในเรื่องการออมเงินและการลงทุน เช่น ประกันสะสมทรัพย์หรือ Unit Linked ทำให้คู่รักมีเงินสำรองก้อนใหญ่สำหรับเป้าหมายในอนาคต เช่น ทุนการศึกษาของบุตร หรือเงินใช้จ่ายในวัยเกษียณอย่างสุขสบาย เป็นต้น

ข้อดีของการวางแผนทำประกันชีวิตสำหรับคนมีคู่ หรือแต่งงาน ช่วยอะไรบ้าง?

การวางแผนทำประกันชีวิตร่วมกันนั้นมอบความอุ่นใจและความมั่นคงให้กับชีวิตคู่ในทุกมิติ ซึ่งมีข้อดีมากมาย อาทิ

สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว: ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแม้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายก็จะยังมีเงินก้อนสำรองไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าเล่าเรียนบุตร หรือค่าผ่อนชำระหนี้สินร่วม
ลดความเสี่ยงทางการเงินจากค่ารักษาพยาบาล: การทำประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจสูงลิ่ว ทำให้คู่ชีวิตสามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุดได้โดยไม่กระทบกับเงินออมของครอบครัว
เป็นเครื่องมือในการออมและลงทุน: ประกันชีวิตบางประเภท เช่น ประกันสะสมทรัพย์ หรือ Unit Linked จะช่วยสร้างวินัยในการออมเงินร่วมกัน และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเพื่อใช้ในเป้าหมายร่วมกัน เช่น การเกษียณอายุ หรือการท่องเที่ยว เป็นต้น

คนมีคู่ หรือแต่งงาน เหมาะกับประกันชีวิตแบบไหนบ้าง?

การเลือกประเภทประกันที่เหมาะสมกับคนมีคู่ ควรพิจารณาจากเป้าหมายทางการเงินและภาระร่วมกันเป็นหลัก เพื่อให้ความคุ้มครองที่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง ซึ่งก็มีประกันหลากหลายรูปแบบที่น่าทำมาก ๆ สำหรับคนมีคู่ ไม่ว่าจะเป็น

1. ประกันชีวิต

ประกันชีวิตตลอดชีพ (Whole Life): เหมาะสำหรับคู่ที่ต้องการสร้างมรดก และสร้างความคุ้มครองชีวิตในระยะยาวให้กับอีกฝ่าย โดยจ่ายเบี้ยประกันระยะสั้น แต่คุ้มครองไปจนถึงอายุ 90 ปี หรือ 99 ปี
ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment): เหมาะสำหรับคู่ที่ต้องการออมเงินเพื่อเป้าหมายที่แน่นอนในอนาคต เช่น เก็บเงินสำหรับดาวน์บ้าน หรือทุนการศึกษาบุตร พร้อมกับได้รับความคุ้มครองชีวิต
ประกันชีวิตควบการลงทุน (Unit Linked): เหมาะสำหรับคู่ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง ทั้งการบริหารความคุ้มครองและการลงทุน เพื่อให้เงินเติบโตไปพร้อม ๆ กันด้วย

2. ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล

เป็นสิ่งที่ควรมีทั้งคู่ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งประกันอุบัติเหตุจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชย หากเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุโดยไม่คาดฝัน ทำให้คุณและคนที่คุณรักไม่ต้องใช้เงินเก็บของครอบครัว

3. ประกันโรคร้ายแรง + ประกันมะเร็ง

เนื่องจากความเสี่ยงทางสุขภาพจะเพิ่มขึ้นตามอายุ การมีประกันโรคร้ายแรงจะช่วยจ่ายเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคตามที่กำหนด ทำให้คู่รักมีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาที่แพงมากในปัจจุบัน และสามารถนำไปใช้เป็นค่าชดเชยรายได้ในระหว่างพักฟื้นได้

ขั้นตอนการวางแผนประกันชีวิตคนมีคู่ หรือแต่งงาน

1. ประเมินภาระทางการเงินและรายได้รวม

ควรร่วมกันคำนวณรายได้ทั้งหมดของทั้งสองฝ่าย รวมถึงภาระหนี้สินร่วม และค่าใช้จ่ายประจำ เพื่อประเมินว่า หากขาดรายได้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ครอบครัวจะต้องใช้เงินเท่าไรในการดำรงชีวิตต่อไป

2. กำหนดเป้าหมายความคุ้มครอง

พิจารณาว่าความคุ้มครองที่ต้องการคืออะไร เช่น เพื่อคุ้มครองหนี้สิน? ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน? ทุนการศึกษาบุตร? หรือค่ารักษาพยาบาล? การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกประเภทประกันและจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น

3. จัดสรรงบประมาณเบี้ยประกัน

ตกลงร่วมกันว่าจะจัดสรรเงินออมส่วนใดมาใช้ในการชำระเบี้ยประกัน และเบี้ยประกันที่จ่ายไม่ควรเป็นภาระทางการเงินที่หนักจนเกินไป โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 10-15% ของรายได้รวม

4. เลือกประเภทประกันที่ตอบโจทย์

เปรียบเทียบข้อดีของประกันแต่ละประเภท และเลือกแผนที่ให้ความคุ้มครองสอดคล้องกับภาระและเป้าหมายที่ตั้งไว้ในข้อ 2

5. ทบทวนแผนประกันเป็นระยะ

ชีวิตคู่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อมีการเพิ่มสมาชิกในครอบครัว มีการซื้อทรัพย์สิน หรือมีการปรับเปลี่ยนรายได้ ควรมีการทบทวนแผนประกันทุก 3-5 ปี เพื่อให้ความคุ้มครองยังคงเพียงพอและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

4 ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อประกันชีวิตอย่างไรดี? สำหรับคนมีคู่

เพื่อให้การเลือกซื้อประกันชีวิตตอบโจทย์ชีวิตคู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ขอแนะนำให้คุณลองพิจารณา 4 ประเด็นสำคัญนี้ก่อนตัดสินใจ

1. พิจารณาความคุ้มครองต้องสูงกว่ามูลค่าหนี้สินร่วม

จำนวนเงินเอาประกันภัยของคู่สมรสที่เป็นผู้มีรายได้หลัก ควรถูกกำหนดให้สูงกว่ายอดหนี้สินร่วมทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจได้ว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เงินก้อนที่ได้รับจะเพียงพอสำหรับการปลดภาระหนี้ทั้งหมด

2. พิจารณาระยะเวลาคุ้มครองที่สอดคล้องกับภาระที่มี

ควรเลือกแผนประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองยาวนานเท่ากับหรือมากกว่าระยะเวลาของภาระหนี้สินที่สำคัญที่สุด เช่น หากผ่อนบ้าน 30 ปี ประกันชีวิตที่ทำก็ควรคุ้มครองอย่างน้อย 30 ปี เพื่อให้ครอบคลุมตลอดช่วงเวลาที่มีภาระผูกพัน

3. พิจารณาทำประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงควบคู่กัน

นอกจากความคุ้มครองชีวิตแล้ว ควรพิจารณาทำประกันสุขภาพหรือโรคร้ายแรงให้ครอบคลุมทั้งคู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ภาระค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่วในอนาคต เข้ามาทำลายเงินออมที่วางแผนไว้สำหรับเป้าหมายร่วมกัน

4. พิจารณาเปรียบเทียบเบี้ยประกันกับความสามารถในการจ่าย

เลือกแผนประกันที่สามารถจ่ายเบี้ยได้สบายๆ ในระยะยาว โดยไม่กระทบต่อการเงินในชีวิตประจำวัน โดยอาจพิจารณาแผนที่มีความยืดหยุ่นในการชำระเบี้ย หรือแผน Unit Linked ที่สามารถปรับลด/เพิ่มเบี้ยได้ตามฐานะทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปก็ได้เช่นกัน

แนะนำแบบแผนประกันชีวิตที่น่าสนใจสำหรับคนมีคู่ หรือแต่งงาน

การเลือกแผนประกันที่ใช่จะช่วยสร้างรากฐานความมั่นคงให้กับชีวิตคู่ได้ดีที่สุด นุ่นขอแนะนำ 5 แผนประกันชีวิตจาก AIA ที่คนมีคู่ควรต้องทำ! มาฝากกัน

1. AIA 20 Pay Link Prestige (Unit Linked)

เป็นแบบประกันควบการลงทุนที่ให้ความคุ้มครองชีวิตยาวนานถึง 99 ปี แต่ชำระเบี้ยประกันภัยหลักเพียง 20 ปี ช่วยสร้างความมั่นคงพร้อมเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากลงทุน